คราวนี้เราจะมาลองถ่ายภาพวิดีโอ แบบที่เขาเรียกกันว่า Time-Lapse กันดูบ้าง คือประมาณว่าเป็นการถ่ายภาพตามช่วงระยะเวลาที่เรากำหนด จากนั้นเอามาทำเป็น video อันนี้จะมีประโยชน์ในการย่อระยะเวลาของเหตุการณ์ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเกิดนานมากๆ อย่างเช่น บันทึกช่วงเวลาที่ดอกไม้บาน การเคลื่อนไหวของก้อนเมฆ หรือแม้แต่กระทั้งระบบจักรวาลนอกโลกของเรา
ทีนี้ถ้าเราใช้วิธีการถ่ายแบบปกติทั่วๆไป มันก็จะกินพื้นที่การเก็บข้อมูลมาก แถมยังเสียเวลาไปในรอถ่ายเป็นเวลานานอีก เราจึงต้องถ่ายแบบ Time-Lapse แทน ก็จะได้เป็นรูปภาพเยอๆมาเอามาทำเป็น Video จากนั้นเราก็เร่งภาพให้เร็วขึ้น เท่านี้เราก็สามารถบันทึกกิจกรรมที่ใช้เวลานานๆ เก็บไว้ดูได้เพียงในระยะเวลาอันสั้นได้ ด้วย Webcam ของเรานนี้เอง โดยจะมี 3 สิ่งที่จะเป็นตัวกำหนดว่า สุดท้ายแล้วไฟล์ Video ที่คุณได้จะมีขนาดเป็นเท่าไร ซึ่งนั้นก็คือ
- ช่วงระยะเวลาของเหตุการณ์ที่เราต้องการจะบันทึก
- ระยะห่างของเวลาในการถ่ายภาพแต่ละภาพ
- Frame Rate ของ Video ไฟล์ในตอนท้าย
ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายดอกไม้บานซึ่งต้องใช้ช่วงระยะเวลาถึง 30 วัน กับการถ่ายการเล่นหมากรุกในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ระยะห่างระหว่างภาพแต่ละภาพจะแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับว่ามีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวไปมามากน้อยแค่ไหน อย่างถ้าเป็นดอกไม้ถ่ายตอนบ่ายโมงแทบจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเลย แต่หลังจากนั้นอีก 24 ชั่วโมง ก็อาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย แบบนี้เราก็ควรตั้งช่วงเวลาไว้เป็น 1 วัน แต่ถ้าเป็นการเล่นหมากรุก การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นหลายครั้งมากในหนึ่งนาที ดังนั้น 10 วินาทีก็จะเป็นช่วงระยะเวลาที่ดีกว่า อย่างไรก็ดีให้พิจรณาดูว่าเราจะตั้งช่วงระยะเวลาอย่างไรให้เหมาะสม ขึ้นอยู่กับลักษณะเหตุการณ์ที่เราต้องการจะถ่ายด้วย ถ้าเราถ่ายถี่ไปแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของภาพมากนักเราก็สามารถแยกภาพพวกนั้นออกไปเก็ได้ แต่ถ้าคุณตั้งห่างไปแล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงระหว่างช่วงเวลาขึ้นมาคุณก็จะไม่สามารถย้อนกลับไปถ่ายใหม่ได้อีก
ส่วน Frame Rate ก็คือจำนวนภาพต่อ 1 วินาที เราจะใช้ค่า FPS (Frames Per Second) ทำความเข้าใจกับ Frame Rate กัน ยกตัวอย่างระบบโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาจะมี Frame Rate เท่ากับ 30FPS คิอ 30ภาพต่อ 1 วินาที ในขณะที่ภาพยนต์จะอยู่ที่ 24 FPS Fram Rate ที่สูงมีความจำเป็นสำหรับการทำให้ภาพที่เคลื่อนไหวสมจริงราบเรียบแทนที่จะกระตุก แต่สำหรับวิด๊โอที่เราจะทำ Frame Rate ที่ต่ำกว่าก็อาจยอมรับได้เช่นกัน มันขึ้นอยู่ว่าสิ่งที่คุณจะทำการมีการเปลี่ยนมากมากน้อยแค่ไหนจาก Frame หนึ่งไปยังอีก Frame หนึ่ง ถ้าคุณกำหนดค่า Frame Rate สูง Video ที่คุณได้ก็จะมีระยะเวลาสั้นลง อย่างเช่นคุณถ่ายรูปดอกไม้วันละรูป เป็นเวลา 30 วัน คุณจะมี Frame ทั้งหมด 30 Frames ถ้าคุณแสดงมันทั้งหมด 30 Frame ใน 1 วินาที ไฟล์วิดีโอของคุณก็จะมีความยาวเพียง 1 วินาทีเท่านั้น แต่ถ้าคุณเลือกเป็น 15 FPS วิดีโอของคุณก็จะมีความยาวเป็น 2 วินาที คุณก็จะสามารถดูได้นานกว่า
อย่างเช่นถ้าคุณต้องการ Video 2 นาที โดยใช้ FPS เท่ากับ 15 จำนวน Frame ที่คุณจะต้องมีก็คือ 1800 Frames (120 วินาที x 15 FPS = 1800 Frames) ซึ่งสิ่งนี้คุณต้องทำก่อนที่จะเริ่มทำการถ่ายภาพ อย่างไรก็ดี อย่าลืมไปว่า วิดีโอดอกไม้บานใน 5 วินาที จะน่าสนใจกว่า 5 นาที
การถ่ายภาพ:
คุณจะต้องมีกล้อง Digital แทน และที่สำคัญคุญจะต้องใช้ขาตั้งกล้อง ถ้าไม่มีขาตั้งกล้องลองใช้ วิธีนี้ดู จากนั้นหาพื้นที่ที่มันคงตั้งกล้องของคุณ และต้องแน่ใจว่ามันไม่เคลื่อนไหวตอนที่ตอนที่คุณถ่ายภาพ ถ้าคุณมี Webcam คุณสามารถใช้ Free Webcam Timeshot ของ Microsoft ได้ ซึ่งจะสามารถตั้งเวลาให้ทำการถ่ายภาพตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ได้ หรือจะลอง Free Program อย่าง AvaCam ดูก็ได้ เพราะว่ารองรับ Windows7
ไฟล์ตัวอย่างผมลองใช้ iSpy ใน Auto Capture Mode จับภาพทุกๆ 10 วินาที จากนั้นนำรูปที่ได้มาทำเป็นไฟล์ Video ด้วย Windows Live Movie Maker โดยตั่งค่า Duration ของรูปภาพไว้ที่ 0.03 วินาที ได้เป็นไฟล์ Movie ออกมาเห็นการเคลื่อนไหวของเมฆกำลังดี
ส่วนไฟล์ที่ 2 นี้ใช้เวลา Capture ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยตั้งการ Capture ทุกๆ 5 วินาที จากนั้นนำมาทำเป็น Time-Lapse Movie โดยตั้ง Duration ของรูปให้ช้าหน่อย อยู่ที่ 0.1 วินาที เพื่อให้สามารถมองความเคลื่อนไหวของ คน สัตว์ สิ่งของได้ทัน ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับการบันทึกภาพของกล้องวงจรปิด
Reference: