เครื่องฟอกอากาศนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร มันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยทำการฟอกอากาศเสียให้เป็นอากาศดีด้วยการใช้ประจุไฟฟ้าลบ นอกเหนือไปจากการทำการอากาศเสียให้เป็นอากาศดีนั้น มันก็ยังถูกเพิ่มรูปแบบการทำงานให้สามารถฆ่าเชื้อโรคต่างๆ และลดอนุมูลอิสระได้อีก ด้วยการใช้เครื่องกำเนิดโอโซนเข้าร่วมด้วย ซึ่งทั้ง 2 หลักการนั้นมีความแตกต่างกัน และควรทราบถึงการใช้งานที่ถูกต้องโดยไม่มีผลกระทบต่อร่างกายของเรา
สำหรับการสร้างประจุลบเพื่อทำการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์นั้น จะใช้วงจรทวีแรงดัน โดยเป็นแรงดันไฟลบ เรียกกันว่าวงจร Negative Multiplier เพื่อให้ได้แรงดันไฟฟ้าที่มีค่าสูงมากๆ โดยจากวงจรที่นำใช้งานในโปรเจคนี้นั้น มีแรงดัน Output ที่ปลายเข็มสูงถึง 8KV เรียกกันอีกชื่อว่าวงจร High Voltage Casecade การกำเนิดประจุลบนั้นไม่เกิดผลเสียต่อร่างกาย แต่การกำจัดหรือฆ่าเชื้อโรคด้วยโอโซนนั้น ถ้ามีปริมาณที่สูงเกินไปจะมีผลเสียต่อร่างกายได้ ดังนั้นการเปิดใช้งานโอโซนจึงควรกระทำแยกต่างหาก ในขณะที่ไม่มีคนอยู่ในห้อง นอกเสียจากมีการควบคุมปริมาณการกำเนิดโอโซนที่มีปริมาณจำกัดอยู่ในค่าที่เหมาะสมโดยไม่เกิดอันตรายต่อมนุษย์ ในเครื่องฟอกอากาศบางรุ่น สามารถสร้าง Active Hydrogen (H) เพื่อมาทำให้ Ozone หรือ Active Oxygen (OH-radical) มีสภาพเป็นกลางได้ด้วยการแปลงกับไปเป็นน้ำ (H2O)
ส่วนประกอบอย่างอื่นนั้นนำมาจากของเหลือใช้ มารวมกันเป็นเครื่องฟอกอากาศ โดยใช้พัดลมทำการดูดอากาศเข้ามา โดยปกติจะต้องมีแผ่นกรองอากาศที่ช่องทางเข้า เพื่อทำการกรองฝุ่นขนาดใหญ่ในขั้นต้น ที่สำคัญในขณะที่ปล่อยไฟเข้าเครื่อง ห้ามสัมผัสส่วนใดๆของแผ่นวงจร เพราะจะเกิดอันตรายจากการถูกไฟฟ้าดูดได้
อุปกรณ์:
- วงจรฟอกอากาศ จากในรูปเป็นชุดคิทของ Future Kit
- กล่องพลาสติกขนาดพอเหมาะ
- พัดลมคอมพิวเตอร์
- อะแดปเตอร์ 9-12V ปริมาณกระแสมากพอที่จะจ่ายให้กับพัดลมได้
- แผ่นกรองอากาศ หาซื้อได้ตาม Super Store ทั่วไปที่เจอก็ Filtrete ของ 3M กรองได้ถึง 0.1 ไมครอน
นอกเหนือไปจากการสร้างประจุลบเพื่อฟอกอากาศด้วยวงจรทวีแรงดันแล้ว ปัจจุบันเรายังสามารถเลือกใช้หลอดไฟที่สามารถสร้างประจลบเพื่อทำการฟอกอากาศได้เช่นกัน ซึ่งมีความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ตามข้อมูลทางการวิจัย ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติตามภูเขาและทุ่งหญ้านั้นจะมีประจุลบอยู่ในอากาศประมาณ 2K-4K ต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งเป็นสภาพวะแวดล้อมที่มีผลดีต่อสุขภาพของเรา เมื่อเทียบกับปริมาณประจุลบในสภาวะแวดล้อมที่มีผลเสียกับร่างกายอย่างในสังคมเมืองตามท้องถนนทั่วๆไปนั้น จะมีประจุลบอยู่เพียงไม่ถึง 100 ประจุ ต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ส่วนปริมาณประจุลบภายในอาคารนั้นจะมีปริมาณอยู่ระหว่าง 100-200 ต่อลูกบาศก์เซนติเมตรเท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับสถานที่ที่ดีต่อสุขภาพมากๆ อย่างเช่นบริเวณที่อยู่ใกล้กับน้ำตกธรรมชาติขนาดใหญ่นั้น จะมีประจุลบอยู่ถึง 1M หรือ หนึ่งล้านประจุต่อลูกบาศก์เซนติเมตรเลยทีเดียว
เนื่องจากปัจจุบันนั้นในบ้านเรือนทั่วไปจะประกอบไปด้วยวัสดุ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีการสร้างประจุไฟฟ้าบวกขึ้นมาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะทำให้เราเหนื่อย หดหู่ หงุดหงิด และโกรธง่าย ดังนั้นการสร้างสมดุลย์ของประจุจึงสามารถทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและเป็นผลดีต่อสุขภาพของเรา แต่ให้จำไว้ว่าประจุลบกับโอโซนนั้นไม่เหมือนกัน
รอบๆร่างกายของเรานั้นเต็มไปด้วยประจุ ดังนั้นอิเล็กตรอนทั้งภายนอกและภายในเซลล์จึงมีอิทธิพลต่อร่างกายของมนุษย์ ร่างกายจะแข็งแรงหากได้รับประจุที่ดี โดยถ้าในหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรของอากาศที่เราหายใจเข้าไปนั้นมีประจุลบอยู่ 5k-50k จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น และถ้าหากมีจำนวนของประจุลบต่อหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรสูงถึง 100K-500K มันจะสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้ ดังนั้นประจุลบจึงมีความสำคัญในการปรับสภาพของร่างกายเรา ประจุลบถึง 85% จะถูกดูดซึมทางผิวหนังของเรา โดยมีเพียง 15% เท่านั้นที่จะถูกสูดดมเข้าไปและถูกดูดซึมผ่านปอดของเรา
จะช้าอยู่ทำไมละ!!! ลงมือสร้างกันเลยดีกว่า
นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการออกแบบ Carbon Air Purifier DIY คุณอาจเปลี่ยนจากวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไปเป็นหลอดไฟฟอกอากาศได้ โดยออกแบบให้สามารถใช้งานตอนกลางคืนได้ด้วยการลดแสงว่างที่เปล่งออกมาด้วยแผ่นตะแกรงกรองแสง
หรือใช้การฟอกอากาศด้วยการปลูกต้นไม้ที่สามารถฟอกอากาศและ สารพิษได้ อย่างหมากเหลือง พลูด่าง และลิ้นมังกร
ข้อมูลเพิ่มเติม: