Agere System Thai เป็นโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ของต่างประเทศ แรกเริ่มเดิมที เป็นบริษัท Honeywell ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นบริษัท AT&T ผู้ซึ่งบุกเบิกเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม และเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา ซึ่งเลือกใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในการ packaging IC ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีผลประกอบการดีมาก มากจนเกินไป มูลค่าหุ้นสูงขึ้นไปมากกว่า 100 US Dollar จนทำให้ต้องมีการลดมูลค่าหุ้นลง โดยได้ทำการตั้งบริษัทลูกขึ้น คือบริษัท Lucent Technology
ตามกฎหมายของสหรัฐในปี 1996 แต่นั้นก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของบริษัทได้ ผลที่ได้คือ ทำให้พนักงานทุกคนซึ่งได้รับหุ้นของบริษัทอยู่แล้วตอนเป็น AT&T ไม่ว่าจะเป็นพนักงานรายวัน รายเดือน หรือระดับผู้บริหาร มีจำนวนหุ้นที่มากขึ้นตามไปด้วย จังหวะนั้นเองช่วงก่อนเศรษฐกิจโลกจะก้าวเข้าสู่ช่วงวิกฤตในปี 2000 พนักงานโดยส่วนใหญ่จะขายหุ้นของบริษัทเพื่อนำเงินออกมาใช้กัน โดยเฉพาะพนักงานในสายการผลิตแบบรายวัน มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ได้ขาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในระดับผู้บริหารที่มีรายได้สูงอยู่แล้ว
แต่หลังจากประสบปัญหาทางเศรฐกิจหลังปี 2000 ทำให้ Lucent ตัดสินใจแยก (spinoff) บริษัทออกมาเป็น 2 บริษัท คือ Avaya กับ Agere โดยบริษัท Avaya จะทำหน้าทีขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Network ส่วน Agere system ยังคงมีหน้าที่ออกแบบและผลิต IC ต่อไป ส่วนของโรงงานในไทยจึงยังตั้งอยู่ที่เดิมไม่ได้ปิดหรือย้ายไปไหน โดย Agere System Thai ยังคงต้องใช้หนี้คืนให้กับ Lucent ตามมูลค่าทรัพย์สินที่มีอยู่ หลังปี 2002
ซึ่งช่วงที่มีการแยกออกมานี่เองได้มีการปลด ลดพนักงาน รวมถึงพนักงานที่ลาออกไปเป็นจำนวนมาก จึงเหลือแต่พนักงานระดับผู้บริหารที่ยังอยู่เหมือนเดิม กับหัวหน้าพนักงานรายวันเท่านั้น จากปากคำบอกเล่าของพนักงานที่เคยทำงานที่นั้นพบว่ามีระบบการทำงานถูกทิ้งล้างเอาไว้มากมาย ไม่ได้มีคนมาสานต่อ อาิทิเช่น ระบบ portal intranet ของทางโรงงานบางแผนกไม่ได้มีการ update ใช้งานอยู่หลายแผนกมาก รวมถึงการกลั่นแกล้ง กดดันพนักงาน โดยเฉพาะพนักงานรายวัน รวมถึงพนักงานรายเดือน ในส่วนของ Engineer โรงงานยังทำงานต่อไปด้วยเครื่องจักรเดิมๆ กับระบบเดิมๆเป็นส่วนใหญ่ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีวงจรรวมที่เปลี่ยแปลงก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ตามคำบอกเล่าของพนักงานคนหนึ่ง ที่เคยเขาร่วมงานกับบริษัท Agere Thailand ในปี 2004 ซึ่งยังถือว่าเป็นช่วงวิกฤตทางการเงินของบริษัทอยู่ โดยตอบรับการทำงานจาก คุณนงนุช ผู้เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลในเวลานั้น ซึ่งตัวคุณนงนุชเอง เพิ่งจะย้ายมาจากบริษัท AMD ได้เพียงไม่นานเช่นกัน พนักงานคนนี้เราให้เราฟังด้วยความคับแค้นใจ หลังจากที่ทำงานให้บริษัทอย่างทุ่มเท จนเกือบจะครบ 3 ปี โดยถูกพนักงานบริษัทในระดับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานกลั่นแกล้ง จนต้องจำใจลาออกจากบริษัทเอง ว่า บริษัทเข้างานเป็น กะ แต่ในส่วนของพนักงาน office รวมถึงพนักงานรายเดือนส่วนใหญ่ จะเริ่มงานเวลา 7:00 จนถึง 17:00 เขาเริ่มทำงาที่แผนก Wirebond Process ซึ่งเป็นแผนกที่ยากและมี Cycle time ต่อยาวนานที่สุดประมาณ 8 ชั่มโมง ที่แผนกนี้จะมีลักษณะการทำงานที่ต้องใช้ละอียดอ่อน เนื่องจากชิ้นงานมีขนาดเล็กมาก อีกทั้งยังมีของเสียต่อวันเกิดขึ้นมากที่สุดอีกด้วย โดยของเสียที่เกิดนั้นเป็นเส้นลวดทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูง โดยเขาสงสัยว่าทำไมทางโรงงานถึงนิ่งเฉยอยู่ เมื่อเห็นของเสียเิกิดขึ้นต่อวันอย่างมากมาย ขนาดยังไม่รวมของเสียหลังจากแผนก Mold อีกแผนกหนึ่งด้วยซ้ำไป เขายังพบอีกว่า หลังจากตรวจสอบดูข้อมูล Yield ย้อนหลังแล้ว พบว่าหัวหน้าพนักงานบางคน รวมทั้งผู้จัดการแผนก Engineer มีการกระทำที่มีผลต่อการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพของขบวนการผลิต เขาเรียกมันว่า "การเกลี่ย Yield" โดยหากมี Lot ของงานไหนที่มีเบอร์ Product เดียวกันแล้ว เกิดมี Yield/Lot ไม่ดี ทางพนักงานที่แผนกนั้นจะทำการ Split Lot ที่มี Yield สูง ไป Merge กับ Lot ที่มีปัญหา Yield ต่ำกว่าซึ่งอาจจะเกิดมาจากปัญหาในการผลิต ซึ่งการกระทำแบบนี้จะทำให้ ผู้บริหารระดับศุงไม่สามารถสังเกตุเห็น Lot งานที่มีปัญหา Yield Drop ได้เลย ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพของงานในอนาคตอย่างแน่นอน
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ทำงานให้บริษัทเขาได้ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ เป็นเวลาแรมปี แต่ได้เป็นเพียงวันหยุดแทนในวันถัดมาเทำนั้นเอง ซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน แต่เนื่องจากยังที่มุมมองและทัศนคติที่ดีต่อบริษัทและการทำงานอยู่ จึงเต็มใจที่จะอยู่ทำต่อไป ผู้บริหารในตอนนั้นมี สมศักดิ์ ตันติวาณิชกิจ เป็น Director Engineer ซึ่งคุมทั้ง Front-end of Line และ Back-end of Line เนื่องจาก Director Back-end คนเก่าลาออกไป ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ Director Quality ก็ยกขโยงล่าออกกันไปกันจนหมดบริษัท คุณสมศักดิ์เริ่มทำงานที่ Agere จากตำแหน่ง Engineer ที่แผนก Molding ด้วยวุฒิเครื่องกลเกียตินิยมจาก KMIT'NB คณะคุรุศาสตร์อุตสาหกรรม หลังจากทำงานแผนก Modling มานานคร่ำหวอดอยู่กับ Package ยุคก่อนซึ่งขนาดตัวชิ้นงานใหญ่โตมหาศาล มีลวดทองคำเชื่อมต่อเพียงไม่กี่เส้น จึงได้ขึ้นเป็น Director Engineer โดยมี CD ขบวนการผลิต IC ที่ซื้อมาจากต่างประเทศหลายปีที่แล้วเอาไว้เปิดให้พนักงานเข้าใหม่ดู
ล่าสุดโรงงานกำลังจะถูกขายทิ้งไปเป็น บริษัท S ว่าถ้าไปอยู่ under ของ Director Assy Engineer คนปัจจุบัน ภาย ในระหว่าง 3 ปีทีผ่านมาได้ทำการไล่พนักงานออก และกดดันให้ล่าออก โดยใช้อำนาจหน้าที่อันไม่ชอบธรรม โดยจะรับผิดชอบในส่วนของ Front of line ทั้งหมด ถ้ายังเป็นผู้บริหารคนนี้อยู่ ก็อย่าได้หลงเข้าไป เมื่อ 2 ปีที่แล้วได้ข้ามไปคุมในส่วนของ Production Engineer ก็ไปไล่ Manager ที่อยู่มานานเหมือนกับตนออกไป พนักงานเข้ามาใหม่ มีฝีมือหลายคน มาเห็นสภาพองค์กรที่ล่าหลังพยายามเสนอความคิดให้เกิดการปรับปรุง ก็ไม่ยอมรับ ซื้อ CD ต่างประเทศสมัยเมื่อหลาย 10 ปีที่แล้วมาก็ยังนำมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ Engineer เข้ามาใหม่ดู ไม่ได้ดูว่า Product Process ของตัวเองเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว ยังมีเหตุการณ์ภายใต้การบริหารด้วยมุมมอง และวิสัยทัศน์ห่วยๆ อีกหลายอย่าง ยังมั่วแต่บ้า Triball concept อยู่เหมือนเดิม