หลังจากติดตั้ง LPG ระบบดูด หรือ Fix mixer ไปเมื่อปี 2007 ปรากฎว่าประสิทธิภาพในการทำงานไม่ดีเท่าที่ควร คือ MPG ต่ำเกินไป คราวนี้เราจะมา Upgrade ให้เป็นระบบหัวฉีด ซึ่งจะมีความแม่นยำในการสั่งจ่ายแก๊สมากกว่าระบบเดิม เพียงแค่ทำการเปลี่ยนและเพิ่มอุปกรณ์อีกเพียงเล็กน้อย ซึ่งก็คือตัว หม้อลดแรงดันแก็ส รางหัวฉีด และก็ชุดควบคุมหัวฉีดที่จะมาพร้อมกล่องควบคุม และตัวเซนเซอร์ต่างๆ ที่จำเป็น อาทิเช่น ตัววัดอุณหภูมิที่รางหัวฉีด และที่หม้อลดแรงดัน รวมถึง Map sensor รวมแล้วประมาณ 8,000 บาท
จากระบบดูดของเดิมที่ติดกล่องหลอกหัวฉีดเพิ่มเติมเข้าไป เพื่อตัดการฉีดน้ำมัน แล้วปล่อยแก๊ส LPG ป่นเข้ามากลับอากาศทางท่อร่วมไอดีแทน ทำให้ระบบไม่สามารถควบคุมการปล่อยปริมาณแก๊สได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อลิ้นปีกผีเสื้อเปิดมากขึ้นในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานที่รอบสูงๆ จึงเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ ระบบนี้มีเงินอย่างเดียวติดไม่ได้ ต้องโง่ด้วยนะครับ (ไม่นับรวมรถยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์นะ) อันนี้ผู้เขียนก็ผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงจูนหม้อต้มแบบดูดได้เทพแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ เลยตัดสินใจเสียเงินอีกรอบ Upgrade มาเป็นแบบหัวฉีด แต่คราวนี้ไม่จ้างเขาติดแล้ว ติดเองเลยดีกว่า คราวที่แล้วเสียไป 17,000 ติดมาให้ก็ไม่เรียบร้อย ใบรับรองยังไม่ทันได้ปิดร้านหนีไปเสียแล้ว
ทีนี้มาดูแบบหัวฉีดบ้าง ก็เปลี่ยนจากกล่องหลอกมาเป็นรางหัวฉีดจริงๆกัน โดยมีกล่องควบคุมการทำงานที่อ้างอิงจากจังหวะการทำงานของหัวฉีดน้ำมันอีกทีหนึ่ง ส่วนตำแหน่งเข้าของแก๊สก็ยังเข้าโดยตรงที่ท่อไอดีเลย โดยเจาะให้ใกล้หัวฉีดน้ำมันได้มากเท่าไรได้ยิ่งดี เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็วกว่า ส่วนการทำงานอื่นๆก็ยังถูกควบคุมด้วย ECU เดิมของเครื่องยนต์ แต่ด้วยข้อจำกัดทางเวลาการเปิดปิดหัวฉีดแก๊สที่ใช้เวลานานกว่า เมื่อเครื่องยนต์ทำงานในรอบสูงๆ รวมเวลาเปิดปิดของหัวฉีดแก๊ส 4 หัว เทียบกับเวลาการเปิดปิดของหัวฉีดน้ำมันจึงเกิน cycle การทำงาน ดังนั้นเราจึงต้องกำหนดขนาดรู้ของ Nozzle หัวฉีดให้สัมพันธ์กับความดันของหม้อลดแรงดัน และกำลังเครื่องยนต์ของรถเรา หากดูในคู่มือจะมีกราฟให้เราหาขนาดของ Nozzle ทีเหมาะสม โดยเทียบจากกำลังของเครื่องยนต์ ที่แรงดันหม้อต้ม 0.8 Bar และ 1.5 Bar คือเราสามารถเลือกปรับแรงดันหม้อลดแรงดันได้ โดยถ้าเราใช้แรงดันแก๊สที่ 1.5 Bar Nozzle รูก็ไม่ต้องใหญ่มากประมาณ 2.4 mm ตามแรงม้าของเครื่องยนต์ อย่างตาเพชร Maximum อยู่ที่ 145 HP ในทางกลับกันหากเราเลือกใช้แรงดันแก๊สที่ 0.8Bar รูของ Nozzle ก็จะต้องแปรผกผัน ซึงก็คือต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยนั้นเอง จากการคำนวณของโปรแกรมจะอยู่ที่ขนาดรู Nozzle 2.8 mm จากทดลองสำหรับผมที่แรงดัน 0.8Bar เสถียรภาพกว่า 1.5Bar โดยหัวฉีดแก๊สใช้เวลาฉีดเพิ่มจากหัวฉีดน้ำมันต่างกันเพียง 1.6 ms
จากชุด Kit หัวฉีด ที่ซื้อทางเน็ตมา 8,000 ก็มีอุปกรณ์มาให้เกือบครบทุกอย่าง ตั้งแต่ หม้อลดแรงดัน, กรองแก๊ส, หัวฉีดและรางหัวฉีด, Map sensor, Temperature Sensor รวมทั้งข้อต่อท่อยางต่างๆที่จำเป็น จากนั้นก็ต้องเตรียมเครื่องมือเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ดูและทำความเข้าใจกับ Connection Schematic ด้านล่าง ว่าเรามีอะไรบ้าง จะไปต่อกับอะไรตรงไหน
การติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม
จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการติดตั้งตัวอุปกรณ์ใหม่เข้าไป อันนี้ไม่รวมถังแก๊สเพราะมีมาตั้งแต่ตอนเป็นระบบดูดอยู่แล้ว จึงเหลือขั้นตอนการ Upgrade อีกไปมาก คือ
- การเจาะท่อไอดีและยึดรางหัวฉีด ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ๆก็ง่ายหน่อย เพราะเป็นพลาสติก เอาหัวแร้งจิ้มก็เรียบร้อย แต่ของตาเพชรยังเป็นอลูมิเนียมอยู่ แต่ก็ยังถือว่าง่ายอยู่เพราะไม่แข็งมาก ขั้นตอนนี้หัวทำการทดลองยึดตำแหน่งรางหัวฉีดให้เรียบร้อยก่อน เพื่อเลือกตำแหน่งที่มีระยะใกล้ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อการตอบสนองการทำงานได้รวดเร็วมากที่สุด จากที่ติดก็ใช้เหล็กรูอันละ 10 บาท ยึดเข้ากับน็อตยึดรางหัวฉีดเดิม จากนั้นก็เคลียร์พื้นที่บริเวณรางหัวฉีด โดยถอดรางหัวฉีดน้ำมันออก อันนี้ถ้าใครไม่เคยถอดเลย อาจต้องหาซื้อ O-ring หัวฉีดเผื่อเอาไว้ด้วย เพราะของเดิมอาจจะเสื่อมสภาพได้ ถ้าใส่กลับเข้าไปอาจทำให้น้ำมันรั่วออกมาได้ จากนั้นก็เริ่มทำการเจาะ เจาะเสร็จก็ทำการต๊าปเกลียว ต๊าปเกลียวอลูมิเนียมจะไม่แข็งมากค่อนข้างต๊าปง่ายอยู่ ดอกต๊าปจะมี 3 ระดับ เพื่อความง่ายในการต๊าป จากนั้นก็ไขยึด Nozzle ท่อไอดีเขาไป อย่าลืมทาน้ำยาล็อคเกลียวกันคล้ายด้วย เพราะจะช่วยกันการรั่วซึมของแก๊สได้อีกทางหนึ่ง จากนั้นจึงตัดสายยางเชื่อมจากรางหัวฉีดไปยัง Nozzle ตัด 4 สาย ให้เท่ากันทุกสาย เพื่อความสมดุล จากนั้นจึงยึดรางหัวฉีดให้เรียบร้อย จากการติดตั้ง Nozzle ท่อไอดีซึ่งทำมาจากทองเหลืองนั้น จะเปราะและหักได้ง่ายดายมากเวลาไขเข้าไปที่ท่อไอดีจึงต้องไขด้วยความระมัดระวัง สังเกตุจากความหนาบริเวณเกลียวของ Nozzle เองนั้นน้อยเกินไป
- การยึดหม้อลดแรงดัน ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้ขายึดเดิมจะง่ายที่สุด ให้อ่านคู่มือการติดตั้งที่มีมาให้ด้วย หลักๆคืออย่าติดใกล้ท่อไอเสียเพราะมันจะร้อน ถ้าจำเป็นหาที่ติดไม่ได้แล้วก็ต้องการฉนวนมาหุ้ม อาจต้องดูทิศทางการหันหน้าของหม้อต้มประกอบด้วย
- การยึดกล่องควบคุมหัวฉีด อันนี้ผมเอามาติดตั้งไว้ใกล้ๆกับ ECU น้ำมันภายในห้องโดยสาร โดยก่อนยึดก็ต้องแยกให้ดีว่าสายจากกล่องเส้นไหนเดินออกไปนอกรถ สายเส้นไหนจะเอาไว้ในรถ หรือสายเส้นไหนจะเดินไปไว้กระโปรงด้านหลัง
- สายไฟไปยังกระโปรงหน้ารถ หลักๆก็จะมีสายไฟเข้ากล่องควบคุม, สายกราว์ด, สาย Map sensor, สาย Temperature sensor, สายควบคุม Valve หม้อลดแรงดัน, สาย Lambda
- สายไฟภายในห้องโดยสาร ก็จะมีสายหัวฉีด ECU อันนี้ผู้เขียน มาตัดต่อที่ต้นทาง ใกล้ๆ Connector ของ ECU น้ำมันเลย สายจะได้ไม่ย้อนกลับไปกลับมา นอกนั้นก็มีสายสวิตช์ควบคุมการทำงาน, สายควบคุมการตัดต่อปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งอันนี้ต้องติดตั้งรีเลย์ 2 หน้าสัมผัสเพิ่มเติม
- สายไฟไปกระโปรงหลังรถ จะมี Valve อีกตัวที่ถังแก๊ส กับ Level Sensor บอกปริมาณแก๊ส
การ Tuning
อันนี้ต้อง download program ตาม Link ด้านล่างมาก่อน ที่ใช้เป็นของ BSM โดยจะต้องมีสาย Link เชื่อมต่อกับ PC ผ่านทาง Serial Port แต่ในปัจจุบัน Computer รุ่นหลังๆจะไม่มี Serial Port ให้เห็นกันแล้ว ก็ให้ใช้ Adapter แปลงไปเป็น USB เลยก็ได้ หรือจะให้เทพหน่อยก็แปลงไปเป็น Bluetooth เลยก็ยังได้ จากนั้นทำการ tuning ตามคู่มือโปรแกรม แล้วอย่าลืม download Microsoft .NET Framework มาติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ก่อนใช้งาน Program tune ด้วยนะครับ เพราะตัวโปรแกรมพัฒนา .NET Framework v2.0.
จากนั้นเราก็กำหนดค่าเบื้องต้นต่างๆที่จำเป็นให้ตรงกับรถเราก่อนในหน้า Presetting แล้วจึงเริ่มทำการใช้งานแก๊สได้ ถ้าทุกอย่างต่ออย่างถูกต้องไม่มีการสลับสูบ รู Nozzle มีขนาดเหมาะสมตรงกับที่คำนวณไว้ และไม่รั่วตามจุดต่อต่างๆ เราก็ใช้ Mode Diagnostics เลือกสลับการทำงานไปมาระหว่างแก๊สกับน้ำมันของหัวฉีดแต่ละหัวได้ว่าทำงานถูกต้องตรงกันหรือไม่ จากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่การจูนแบบอัตโนมัติ
เมื่อคลิ๊กเริ่มจูนแบบอัตโนมัติ ระบบจะตรวจสอบค่าที่รอบเดินเบาของเครื่องยนต์ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วระบบจะหาค่าเวลาของหัวฉีดที่ฉีดนานมากที่สุด โดยให้เราทำการเหยียบคันเร่งแรงๆหนักๆเร็วๆ หรือประมาณว่าเบิ้ลเครื่อง ซัก 5-6 ครั้ง เมื่อระบบแก๊สรู้ค่าเวลาฉีดนานที่สุดของระบบน้ำมันแล้ว จากนั้นจะทำการเปียบเทียบสลับกันไปมาระหว่างน้ำมันกลับแก๊สที่ความเร็วรอบ 3000 rpm โดยให้เราเหยียบคันเร่งค้างไว้ที่ 3000 rpm ก่อนกด Next เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนนี้ เมื่อครบจำนวนครั้งที่กำหนด ถ้าไม่เกิดการผิดพลาด ระบบแก๊สก็จะสามารถใช้งานได้ในทันที จากนั้นก็ทดลองวิ่งในสภาวะการใช้งานจริง พบว่าระบบฉีดแก๊สได้เรียบเนียนเหมือนน้ำมันมาก การเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊สทำได้แบบไม่รู้สึกและไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ เพราะระบบจะค่อยเปลี่ยนไล่ไปที่ละสูบ จะเหลือแต่การออกตัวขณะหยุดนิ่งที่ระบบแก๊สไม่สารถตอบสนองได้ทัน จึงต้องปรับตั้งองศาไฟจุดระเบิดใหม่ให้ทำงานได้โดยที่เครื่องยนต์ไม่กระตุกตอนออกตัว แต่ล่าสุดหลังจากวิ่งไปได้ 4-5 ถังแล้วปรากฎว่า หม้อลดแรงดันมีการตอบสนองในการจ่ายแก๊สที่ไวขึ้น ปัญหาออกตัวเร็วตอนแอร์ทำงานจึงหายไป ใช้ร่วมกับ My car Android Apps เพื่อบันทึกดูค่าการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งรองรับการใช้งานเชื้อเพลิงทั้ง Gasoline และ LPG
คำแนะนำในการใช้งาน
- ไม่ควรใช้ระบบแก๊สเพียงอย่างเดียวเห็นเวลายาวนาน เพราะจะทำให้หัวฉีดของระบบน้ำมันเกิดการอุดตันขึ้นได้ โดยเครื่องยนต์จะมีลักษณะออกตัวช้าเหมือนไม่มีกำลังตอนทำงานในระบบน้ำมัน
- ในกรณีวิ่งทางไกล ควรเปลี่ยนมาใช้ระบบน้ำมัน ทุกๆ 40-50 กิโลเมตร
Download